top of page

บทบาทของ Reflection ในการเรียนรู้เมื่อทำงานจริง

ree

ในที่ทำงาน เรามักวัดผลการเรียนรู้จากสิ่งที่ “ผ่าน” มากกว่าสิ่งที่ “เหลืออยู่” ผ่านการอบรมแล้ว ผ่านคอร์สแล้ว ผ่านแบบทดสอบแล้ว แต่เมื่อเวลาผ่านไปไม่กี่สัปดาห์ ความรู้เหล่านั้นกลับไม่ปรากฏในพฤติกรรมการทำงาน การตัดสินใจ หรือคุณภาพของผลงานอย่างที่คาดหวังไว้


ปัญหานี้ไม่ได้เกิดจากพนักงานเรียนไม่เก่ง หรือเนื้อหาไม่ดีพอ หากแต่เกิดจากช่องว่างสำคัญระหว่าง การรับข้อมูล กับ การเก็บความรู้ไว้ใช้งานจริง และช่องว่างนั้นมักถูกมองข้ามอยู่เสมอ


ช่องว่างนั้นมีชื่อว่า Reflection


ทำไมการเรียนรู้จำนวนมาก “ไม่เคยถูกใช้”


ในสภาพแวดล้อมการทำงานจริง คนทำงานต้องรับข้อมูลตลอดเวลา ตั้งแต่ระบบใหม่ กระบวนการใหม่ ไปจนถึงแนวคิดการทำงานแบบใหม่ สมองจึงเลือกจดจำเฉพาะสิ่งที่ถูกใช้งานซ้ำหรือเชื่อมโยงกับบริบทของตนเองอย่างชัดเจน


การเรียนรู้ที่จบลงเพียงแค่ “ฟังเข้าใจ” หรือ “ทำแบบทดสอบผ่าน” มักถูกจัดเก็บไว้ในความจำระยะสั้น และค่อยๆ เลือนหายไป เพราะสมองไม่เคยได้รับสัญญาณว่าสิ่งนี้สำคัญพอจะเก็บไว้ระยะยาว


Reflection ทำหน้าที่เป็นสัญญาณนั้นเพราะมันบังคับให้ผู้เรียนหยุดคิด ทบทวน และเชื่อมโยงความรู้ใหม่เข้ากับงานจริงของตนเอง ซึ่งเป็นขั้นตอนสำคัญที่เปลี่ยนข้อมูลให้กลายเป็นความรู้ที่ใช้งานได้


Reflection คือการ “แปรรูป” ความรู้ ไม่ใช่กิจกรรมสรุปบท


หลายคนเข้าใจ Reflection ว่าเป็นกิจกรรมท้ายคลาส เช่น ให้เขียนสิ่งที่ได้เรียนรู้ 3 ข้อแล้วจบ แต่ในความเป็นจริง Reflection คือกระบวนการแปรรูปความรู้ให้เหมาะกับบริบทของแต่ละคน


เมื่อคนทำงานถูกชวนให้ตอบคำถามง่ายๆ อย่าง


  • “แนวคิดไหนที่สะดุดใจคุณที่สุด”

  • “ถ้าจะเอาเรื่องนี้ไปใช้กับงานพรุ่งนี้ จะเริ่มตรงไหน”

  • “ถ้าต้องอธิบายเรื่องนี้ให้เพื่อนร่วมทีมฟัง คุณจะพูดว่าอย่างไร”


สมองจะเริ่มจัดระเบียบข้อมูลใหม่ เลือกแก่นสำคัญ และเชื่อมโยงกับประสบการณ์เดิม กระบวนการนี้เองที่ทำให้ความรู้ถูกเก็บไว้ในความจำระยะยาว และพร้อมถูกดึงมาใช้เมื่อเจอสถานการณ์จริง


การอธิบายด้วยคำของตัวเอง สำคัญกว่าการจำคำของคนอื่น


หนึ่งในรูปแบบ Reflection ที่ทรงพลังที่สุด คือการให้ผู้เรียน “นิยาม” แนวคิดที่เพิ่งเรียนด้วยภาษาของตนเอง ไม่ว่าจะเป็นการเขียน พูด หรือเปรียบเทียบกับสิ่งที่คุ้นเคย


เมื่อคนสามารถอธิบายแนวคิดหนึ่งได้ด้วยคำของตัวเอง แปลว่าเขาไม่ได้แค่เข้าใจ แต่ได้ย่อยและจัดโครงสร้างความคิดนั้นใหม่เรียบร้อยแล้ว นี่คือจุดที่ความรู้เริ่มกลายเป็นเครื่องมือในการคิดและตัดสินใจ ไม่ใช่แค่ข้อมูลที่จำได้เป็นช่วงๆ


ในทางกลับกัน การเรียนรู้ที่จบลงด้วยการท่องจำคำจำกัดความ มักไม่รอดจากแรงกดดันของงานจริง เพราะสมองไม่รู้ว่าจะดึงมันออกมาใช้อย่างไร


จาก “เรียนจบ” สู่ “เรียนแล้วเปลี่ยนการทำงาน”


สำหรับหัวหน้างานหรือผู้นำทีม บทบาทสำคัญไม่ใช่แค่การส่งลูกน้องไปอบรม แต่คือการสร้างพื้นที่ให้ Reflection เกิดขึ้นหลังการเรียนรู้


บางครั้งอาจไม่ต้องเป็นกิจกรรมใหญ่ แค่การถามคำถามไม่กี่นาทีหลังประชุม หลังเวิร์กช็อป หรือหลังลองทำวิธีใหม่ ก็เพียงพอที่จะทำให้การเรียนรู้ฝังลึกขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ


เมื่อคนทำงานได้คิดทบทวนอย่างสม่ำเสมอ การเรียนรู้จะไม่จบลงที่ “ผ่าน” แต่จะสะสมเป็นทุนทางความคิดที่ถูกนำมาใช้ซ้ำ พัฒนา และต่อยอดได้จริงในระยะยาว


สุดท้ายแล้ว องค์กรที่เรียนรู้ได้ดีที่สุด ไม่ใช่องค์กรที่สอนเก่งที่สุด แต่คือองค์กรที่ช่วยให้คน จำได้ คิดต่อได้ และใช้เป็น ผ่านการ Reflection อย่างเป็นระบบและจริงจัง

 
 
 

ความคิดเห็น


ติดตามข่าวสารและอัปเดตจาก dots.

Thanks for subscribing.

bottom of page