top of page

การพัฒนาทักษะการคิดจะช่วยเรื่อง Empathy ได้อย่างไร

ree

เวลาเราพูดถึง Empathy หลายคนมักนึกถึงความสามารถในการ “รู้สึกไปกับเขา” หรือ “เข้าใจว่าอีกฝ่ายรู้สึกอย่างไร” แต่ในความเป็นจริง Empathy ที่มีพลังต่อการทำงานและความสัมพันธ์ ไม่ได้เกิดจากอารมณ์เพียงอย่างเดียว หากแต่ต้องอาศัย “ทักษะการคิด” ในระดับลึกควบคู่กันไปด้วย


นี่คือเหตุผลว่าทำไมองค์กรสมัยใหม่จึงไม่ได้มอง Empathy เป็นคุณสมบัติด้านอารมณ์เท่านั้น แต่เป็นความสามารถเชิงปัญญาที่ต้องฝึก ฝึกได้ และพัฒนาให้ดีขึ้นได้อย่างต่อเนื่อง


Empathy ที่ดีเริ่มต้นจาก “การคิดเป็นระบบ”


Empathy ที่มีประสิทธิผลไม่ใช่การเดาอารมณ์คนอื่นจากสัญชาตญาณ แต่คือความตั้งใจที่จะทำความเข้าใจประสบการณ์ของอีกฝ่ายอย่างเป็นระบบ การคิดเชิงวิเคราะห์จึงเข้ามามีบทบาทสำคัญในสามด้านหลัก


  1. Perspective-taking:

การพัฒนาทักษะการคิดช่วยให้เรามองสถานการณ์จากหลายมุมมากขึ้น มองเห็นเงื่อนไข บริบท และปัจจัยที่อยู่เบื้องหลังพฤติกรรมคนอื่น ซึ่งต่างจากการอนุมานจากอารมณ์เพียงลำพัง ข้อมูลหลายชิ้นชี้ชัดว่าคนที่ใช้การคิดเชิงวิเคราะห์มีแนวโน้ม “อ่าน” คนอื่นได้แม่นกว่า เพราะพวกเขาแยกแยะข้อเท็จจริงออกจากการตีความของตัวเองก่อนเสมอ


  1. Emotional regulation:

การคิดอย่างเป็นระบบช่วยให้เราไม่ถูกความรู้สึกของตัวเองพาไปจนหลงเชื่อว่านั่นคือความรู้สึกของอีกฝ่าย การรู้เท่าทันอารมณ์และจัดระเบียบความรู้สึกของตัวเองได้ดี ทำให้เรามีพื้นที่ในการรับฟังผู้อื่นอย่างตั้งใจและไม่รีบสรุปเร็วเกินไป ซึ่งเป็นหัวใจของ Empathy ที่แท้จริง


  1. Bias awareness:

มนุษย์ทุกคนต่างมีอคติ (bias) อยู่ในกระบวนการรับรู้ เช่น การตัดสินคนจากความคุ้นเคย ประสบการณ์ หรือภาพจำ การฝึกคิดเชิงวิพากษ์ช่วยให้เรารู้ทันสิ่งเหล่านี้ และแยกว่าอะไรคือข้อเท็จจริง อะไรคือการตีความของเราเอง เมื่ออคติลดลง พื้นที่ของความเข้าใจผู้อื่นจะกว้างขึ้นอย่างเห็นได้ชัด


เมื่อเราคิดดีขึ้น เราจะเข้าใจคนได้ลึกขึ้น


คำถามคือ การคิดจะช่วยทำให้เรามี Empathy มากขึ้นจริงหรือ?


งานวิจัยจำนวนมากตอบตรงกันว่า ใช่—การใช้ความคิดตอบสนองต่อสถานการณ์ช่วยให้การเข้าใจผู้อื่นแม่นยำกว่าอารมณ์เพียงอย่างเดียว


ในหลายกรณี ความรู้สึกอยากช่วยหรือความสงสารอาจนำไปสู่การตัดสินใจที่คลาดเคลื่อน เช่น การถาโถมอารมณ์เข้าใส่คนที่กำลังเจ็บปวดโดยไม่ฟังเขาจริง ๆ หรือการคิดแทนจนทำให้เขาไม่ได้พูดในสิ่งที่สำคัญ แต่การคิดอย่างมีระบบทำให้ Empathy “ตั้งอยู่บนข้อมูล” มากกว่า “ความรู้สึกของเราเอง” ทำให้การเข้าใจอีกฝ่ายแม่นกว่า ลึกกว่า และมีประโยชน์มากกว่า


ทักษะการคิดทำให้ Empathy เป็น “ทักษะที่ใช้ได้จริง” ในที่ทำงาน


ในบริบทการทำงาน ความเข้าใจคนไม่ใช่แค่เรื่องความสัมพันธ์ แต่คือเรื่องของการสื่อสาร การร่วมงาน และการตัดสินใจร่วมกัน การคิดอย่างมีวิจารณญาณช่วยให้ Empathy ถูกใช้ในรูปแบบที่เป็นประโยชน์ต่อทั้งสองฝ่าย

เช่น


  • การฟังอย่างตั้งใจโดยไม่รีบตีความ

  • การแยกแยะความต้องการที่แท้จริงออกจากอารมณ์ชั่วคราว

  • การถามคำถามที่ทำให้เข้าใจมุมมองอีกฝ่ายได้ดีขึ้น

  • การมองสถานการณ์ในบริบทกว้างกว่าความรู้สึกเฉพาะหน้า


สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่ความสามารถทางอารมณ์ แต่คือ “ผลผลิตของการคิดอย่างมีสติและมีโครงสร้าง”


Empathy ที่ดี คือ Empathy ที่มาจากความตั้งใจ และการคิดประกอบกัน


ท้ายที่สุด ความเข้าใจคนจะเกิดขึ้นอย่างมีคุณภาพก็ต่อเมื่อเรามีทั้งความสามารถในการรับรู้อารมณ์ผู้อื่นและ “เครื่องมือทางความคิด” ที่ช่วยให้ความเข้าใจนั้นแม่นยำ ไม่เลือกข้าง และไม่ถูกอคติบดบัง


Empathy จึงไม่ใช่ทักษะของคนขี้สงสารหรือคนที่อ่อนไหว แต่คือทักษะของคนที่ “คิดเป็น ฟังเป็น และเข้าใจบริบทเป็น”

และยิ่งเราพัฒนาทักษะการคิดมากขึ้นเท่าไร เราก็จะยิ่งเข้าใจมนุษย์ได้ลึกขึ้นเท่านั้น—ทั้งในงาน ความสัมพันธ์ และชีวิตประจำวัน

 
 
 

ความคิดเห็น


ติดตามข่าวสารและอัปเดตจาก dots.

Thanks for subscribing.

bottom of page