top of page

สิ่งที่หลายคนพลาดเมื่อต้องคิดแบบ Critical Thinking


ree

ทุกวันนี้ “Critical Thinking” ถูกพูดถึงอย่างกว้างขวางในฐานะทักษะสำคัญของการทำงานยุคใหม่ หลายองค์กรระบุไว้ใน competency หลักของผู้นำและผู้บริหารรุ่นใหม่ แต่แม้หลายคนจะรู้ว่าต้องคิดเชิงวิพากษ์ให้มากขึ้น ทว่ากลับมี “หลุมพราง” ที่ทำให้การคิดเช่นนี้ไม่เกิดผลเท่าที่ควร


1. สรุปกว้างเกินไปจากข้อมูลน้อยเกินไป


เรามักสรุปโดยใช้หลักฐานเพียงบางส่วน เช่น เห็นโครงการหนึ่งล้มเหลวแล้วเหมาว่าแนวคิดนี้ใช้ไม่ได้อีกต่อไป หรือเจอปัญหาหนึ่งครั้งแล้วตัดสินว่าวิธีนั้น “ผิด” เสมอ ทั้งที่ข้อเท็จจริงอาจอยู่ในเงื่อนไขที่เฉพาะเจาะจงมากกว่านั้น


2. เชื่อเฉพาะสิ่งที่อยากเชื่อ (Confirmation Bias)


หนึ่งในอุปสรรคใหญ่ของ Critical Thinking คือการเลือกเชื่อเฉพาะข้อมูลที่สนับสนุนความคิดตัวเอง และละเลยสิ่งที่ขัดแย้งกับมัน การคิดเชิงวิพากษ์ที่แท้จริงเริ่มต้นจาก “ความกล้าที่จะตั้งคำถามกับความเชื่อของตัวเอง”


3. ใช้อารมณ์มากกว่าหลักฐาน


เรามักไม่รู้ตัวว่าความรู้สึก เช่น ความกลัว ความโกรธ หรือความชอบส่วนตัว มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจมากแค่ไหน Critical Thinking ไม่ได้แปลว่าต้องไร้อารมณ์ แต่หมายถึง “รู้เท่าทันอารมณ์” และไม่ให้มันครอบงำเหตุผล


4. คิดแบบขาว–ดำจนมองไม่เห็นความซับซ้อน


ปัญหาหลายอย่างไม่ได้มีคำตอบแบบ “ถูกหรือผิด” ชัดเจน แต่คนเรามักอยากหาความแน่นอนทันที การคิดแบบขาว–ดำทำให้เรามองข้ามทางเลือกอื่น ๆ และลดทอนความเข้าใจในความเป็นจริงที่ซับซ้อน


5. ไม่เปิดรับมุมมองอื่น


การคิดเชิงวิพากษ์ไม่ได้หมายถึงการคิดคนเดียว แต่คือการใช้ข้อมูลจากหลายมุมเพื่อทดสอบสมมติฐานของเราเอง หากเราไม่ฟังคนที่เห็นต่าง การคิดของเราก็จะวนอยู่ในกรอบเดิมเสมอ


6. พึ่งพาผู้เชี่ยวชาญเกินไป


การอ้างอิงผู้รู้หรือข้อมูลจากแหล่งที่เชื่อถือได้เป็นสิ่งดี แต่ถ้าเรา “หยุดคิด” เพราะเชื่อว่าใครบางคนรู้ดีกว่าเสมอ เราก็กำลังละทิ้ง Critical Thinking ไปโดยไม่รู้ตัว


การคิดเชิงวิพากษ์ไม่ใช่เพียงการ “ตั้งคำถามกับคนอื่น” แต่คือการตั้งคำถามกับ วิธีคิดของตัวเอง อยู่เสมอ คนที่คิดเชิงวิพากษ์ได้ดีไม่ใช่คนที่มีคำตอบทั้งหมด แต่คือคนที่รู้ว่า “ยังมีคำตอบอื่นที่เป็นไปได้” และกล้าทบทวนสิ่งที่ตนเองเชื่ออยู่ตลอดเวลา

ความคิดเห็น


ติดตามข่าวสารและอัปเดตจาก dots.

Thanks for subscribing.

bottom of page