top of page

ผู้นำที่อธิบายเหตุผลไม่ได้ กำลังบั่นทอนกลยุทธ์ขององค์กรโดยไม่รู้ตัว


ree

ในโลกของการบริหาร ความเด็ดขาดมักถูกตีความว่าเป็นพลังของผู้นำ การตัดสินใจที่รวดเร็ว การสั่งการที่ชัดเจน และการยุติข้อถกเถียงในห้องประชุม มักถูกมองว่าเป็นสัญญาณของความเข้มแข็งและความเป็นผู้นำ


แต่เบื้องหลังภาพลักษณ์นั้น มีความเสี่ยงเชิงกลยุทธ์ที่หลายองค์กรไม่ทันสังเกตเมื่อผู้นำที่ไม่สามารถอธิบายหรือปกป้องเหตุผลของการตัดสินใจได้ภายใต้คำถามที่สมเหตุสมผล อาจกำลังทำลายกลยุทธ์ขององค์กรอย่างเงียบ ๆ แม้ตนเองจะ “ชนะ” ในเชิงอำนาจก็ตาม


การอธิบายเหตุผลไม่ได้ ไม่ใช่เรื่องการสื่อสาร แต่คือสัญญาณเชิงโครงสร้าง


เมื่อผู้บริหารไม่สามารถอธิบายที่มาที่ไปของการตัดสินใจ ปัญหานั้นไม่ได้จำกัดอยู่แค่ทักษะการพูดหรือการนำเสนอ แต่สะท้อนความเปราะบางที่ลึกกว่านั้นในระบบการตัดสินใจ


ประการแรก คือคุณภาพของการคิดเชิงกลยุทธ์

การตัดสินใจอาจพึ่งพาสัญชาตญาณ ความคุ้นเคย หรือแรงกดดันทางการเมืองมากกว่าการประเมินข้อมูล สมมติฐาน และทางเลือกอย่างเป็นระบบ สิ่งที่ดูเหมือน “มั่นใจ” จึงอาจเป็นเพียงความคุ้นชินที่ไม่เคยถูกทดสอบ


ประการที่สอง คืออัตตาที่ไม่มั่นคง

เมื่อสถานะมีความสำคัญมากกว่าความถูกต้อง คำถามจะถูกมองว่าเป็นการท้าทายอำนาจ ไม่ใช่ความพยายามช่วยองค์กรคิดให้รอบคอบขึ้น ความเห็นต่างจึงถูกปิดปากด้วยคำว่า “ไม่บวก” หรือ “ไม่สอดคล้องกับทิศทาง”


และประการสุดท้าย คือความไม่ตกผลึกของกลยุทธ์เอง

หากผู้นำไม่สามารถอธิบาย trade-off ความเสี่ยง และเหตุผลเบื้องหลังการเลือกเส้นทางใดเส้นทางหนึ่งได้ ก็มีความเป็นไปได้สูงว่ากลยุทธ์นั้นยังไม่ถูกคิดจนชัดเจนจริง


พนักงานไม่ได้โต้แย้ง แต่กำลังเรียนรู้วิธีเอาตัวรอด


ในทางปฏิบัติ พนักงานส่วนใหญ่ไม่ได้ลุกขึ้นท้าทายผู้บริหารอย่างเปิดเผย สิ่งที่เกิดขึ้นบ่อยกว่าคือการปรับตัวอย่างเงียบ ๆ


เมื่อคำถามไม่เคยได้รับการต้อนรับ เสียงสะท้อนจะค่อย ๆ กลายเป็นความเงียบ ข้อมูลสำคัญและสัญญาณเตือนจากหน้างานจะไม่ถูกส่งต่อขึ้นมา ความร่วมมือถูกลดทอนเหลือเพียงการทำตาม งานยังเดิน เอกสารยังครบ KPI ยังถูกติ๊ก แต่ไม่มีความเป็นเจ้าของ เพราะไม่มีใครเข้าใจว่า “ทำไปเพื่ออะไร”


ที่อันตรายยิ่งกว่าคือความเหนื่อยล้าทางศีลธรรมที่สะสม การถูกขอให้ผลักดันการตัดสินใจที่ตนเองไม่เชื่อ โดยไม่มีพื้นที่ให้ตั้งคำถาม เป็นหนึ่งในตัวเร่ง Burnout ที่ทรงพลังที่สุดในองค์กรสมัยใหม่


วัฒนธรรมเปิดกว้างที่หยุดอยู่แค่ในสไลด์


หลายองค์กรประกาศสนับสนุน Psychological Safety และ Open Culture แต่เมื่อผู้นำปิดการถกเถียงเพราะไม่สามารถอธิบายเหตุผลได้ สิ่งเหล่านั้นจะกลายเป็นเพียงถ้อยคำสวยงามบนสไลด์นำเสนอ


ผลที่ตามมาคือพนักงานพูดเฉพาะเรื่องที่ปลอดภัย ไอเดียเล็ก ๆ ที่ไม่กระทบใคร การตัดสินใจเอนเอียงไปทางการป้องกันตัวมากกว่าการเรียนรู้ และบทสนทนาที่แท้จริงย้ายออกจากห้องประชุม ไปอยู่ในทางเดิน กลุ่มแชต และการสนทนานอกรอบ


กลยุทธ์ที่ถูกสื่อสารอย่างเป็นทางการ จึงค่อย ๆ แยกขาดจากความเป็นจริงของการทำงาน


ต้นทุนทางกลยุทธ์ที่มองไม่เห็น แต่ต้องจ่ายจริง


การอธิบายเหตุผลไม่ได้ ไม่ใช่เรื่องบุคลิกส่วนบุคคล แต่เป็นต้นทุนทางธุรกิจที่องค์กรต้องแบกรับ กลยุทธ์ไม่ได้รับการทดสอบแบบเข้มข้นก็ทำให้สมมติฐานที่ผิดจึงยังคงอยู่ ผู้จัดการระดับกลางไม่สามารถถ่ายทอดหรือปรับใช้กลยุทธ์ได้ เพราะไม่เข้าใจเหตุผลเบื้องหลังและนำไปสู่การดำเนินงานที่กลายเป็นเพียง “Execution Theatre” ดูยุ่ง ดูคืบหน้า แต่ไม่พาองค์กรไปข้างหน้าอย่างแท้จริง


ผู้นำที่แข็งแรงจริง สร้างพื้นที่ให้เหตุผลทำงาน


ผู้นำที่มีคุณภาพทางความคิด ไม่ได้กลัวคำถาม ตรงกันข้าม พวกเขาออกแบบให้ความเห็นต่างเกิดขึ้นอย่างมีโครงสร้าง


พวกเขาเชิญชวนการโต้แย้งโดยตั้งกติกาที่ชัดเจนว่าไม่ใช่เรื่องส่วนตัว อธิบายทางเลือกที่พิจารณา เหตุผลที่เลือก และความเสี่ยงที่ยอมรับและพร้อมปรับเปลี่ยนความคิดต่อหน้าทีม เมื่อมีเหตุผลที่ดีกว่า โดยไม่มองว่านั่นคือความพ่ายแพ้


สิ่งเหล่านี้ไม่ได้ทำให้ผู้นำดูอ่อนแอ แต่สร้างความเชื่อมั่นว่าองค์กรให้คุณค่ากับความจริงมากกว่าอัตตา


บทสรุป

ผู้นำไม่ได้ทำลายกลยุทธ์ด้วยการตัดสินใจผิดเพียงครั้งเดียว แต่บั่นทอนมันอย่างช้า ๆ ทุกครั้งที่เลือกใช้ตำแหน่งเพื่อ “ชนะ” แทนการอธิบายเหตุผล


คำถามสำคัญจึงไม่ใช่ว่าพนักงานเห็นด้วยหรือไม่ แต่คือพวกเขาเข้าใจหรือไม่ว่าเหตุใดองค์กรจึงเลือกเส้นทางนี้


เพราะในระยะยาว กลยุทธ์ที่ไม่มีเหตุผลรองรับ จะไม่มีใครเต็มใจพาไปให้ถึงปลายทาง



 
 
 

ความคิดเห็น


ติดตามข่าวสารและอัปเดตจาก dots.

Thanks for subscribing.

bottom of page