top of page

ทำไมเรามั่นใจว่า “โฟกัสดี” ทั้งที่จริงแล้วไม่ได้เป็นอย่างนั้น

ree

คนทำงานจำนวนมากเชื่อว่าตัวเอง “โฟกัสดี” และ “ควบคุมการตัดสินใจได้” เรามักพูดประโยคคุ้นหูอย่าง ผมทำงานหลายอย่างพร้อมกันได้ หรือ ผมรู้ว่าควรโฟกัสตอนไหน ด้วยความมั่นใจสูง แต่เมื่อดูผลลัพธ์จริง คุณภาพงาน ความผิดพลาดที่เกิดซ้ำ หรือเวลาที่สูญไปกับการแก้งานเดิม ภาพที่เห็นกลับไม่สอดคล้องกับความเชื่อของเราเท่าไรนัก


ปัญหานี้ไม่ได้เกิดจากความขี้เกียจหรือขาดวินัย หากแต่เกิดจาก อคติทางความคิด (Cognitive Biases) ที่ทำให้เรารู้สึกว่า “เข้าใจและทำได้ดี” มากกว่าความเป็นจริง


หนึ่งในอคติที่สำคัญคือสิ่งที่นักจิตวิทยาเรียกว่า Illusion of xplanatory depth หรือ “ภาพลวงตาว่าเข้าใจลึก” เรามักเชื่อว่าเราเข้าใจกลไกการโฟกัสของตัวเองดี เช่น รู้ว่าอะไรทำให้วอกแวก อะไรช่วยให้จดจ่อ แต่ความเข้าใจนี้มักอยู่ในระดับคำอธิบายกว้างๆ เมื่อถูกขอให้อธิบายเป็นขั้นตอนจริง เช่น “คุณจัดการสิ่งรบกวนอย่างไรระหว่างทำงานสำคัญ” หรือ “คุณตัดสินใจได้อย่างไรว่าอะไรควรทำก่อน” หลายคนกลับอธิบายต่อไม่ได้อย่างเป็นรูปธรรม


ความรู้สึกว่า “รู้อยู่แล้ว” จึงกลายเป็นตัวปิดกั้นการพัฒนาทักษะจริง


อคติอีกตัวหนึ่งที่ซ้ำเติมปัญหานี้คือ overconfidence bias หรือความมั่นใจเกินจริง เรามักประเมินความสามารถในการโฟกัสของตัวเองสูงกว่าความเป็นจริง โดยเฉพาะในกิจกรรมที่ดูคุ้นเคย เช่น การตอบแชตไปพร้อมกับคิดงาน หรือการสลับประชุมหลายเรื่องในวันเดียว เราอาจรู้สึกว่ายัง “คิดได้ดี” แต่หลักฐานเชิงวิจัยชี้ชัดว่าการสลับงานบ่อยทำให้คุณภาพการคิดลดลง การตัดสินใจหยาบขึ้น และความผิดพลาดเพิ่มขึ้น แม้ผู้ทำจะไม่รู้สึกว่าตัวเองแย่ลงก็ตาม


ที่น่าสนใจคือ ยิ่งทักษะการโฟกัสต่ำเท่าไร ความมั่นใจมักยิ่งสูง นี่เป็นรูปแบบเดียวกับปรากฏการณ์ Dunning–Kruger effect ที่พบในหลายโดเมน คนที่ยังไม่เก่งพอจะประเมินคุณภาพของตนเองได้แม่นยำ มักเชื่อว่าตัวเองทำได้ดีแล้ว จึงไม่รู้สึกจำเป็นต้องปรับปรุง


ในที่ทำงาน ภาพลวงตานี้แสดงออกชัดเจนในรูปแบบของการทำงานหลายอย่างพร้อมกันโดยไม่มีระบบ การอ้างว่า “โฟกัสตามสถานการณ์” โดยไม่มีเกณฑ์ชัดเจน หรือการเสพเคล็ดลับ productivity จำนวนมากโดยไม่เคยออกแบบสภาพแวดล้อมการทำงานใหม่จริงๆ การอ่านบทความหรือดูคนอื่นทำงานเก่ง อาจสร้างความรู้สึกว่า “เราก็ทำแบบนั้นได้” ทั้งที่ทักษะเบื้องหลัง เช่น การวางแผน การยับยั้งสิ่งรบกวน และการออกแบบงาน ยังไม่เคยถูกฝึกอย่างเป็นระบบ


ผลลัพธ์คือ เรามีคนทำงานจำนวนมากที่รู้สึกว่าตัวเองโฟกัสดี แต่กลับทำงานลึกได้น้อย งานสำคัญถูกเลื่อนซ้ำ และการตัดสินใจเชิงคุณภาพเกิดขึ้นน้อยกว่าที่ควร


การแก้ปัญหานี้ไม่ได้เริ่มจากการหาเทคนิคใหม่ แต่เริ่มจากการ เจาะภาพลวงตาให้แตก วิธีที่ได้ผลที่สุดคือการบังคับให้ความคิดต้อง “ลงรายละเอียด” เช่น ขอให้ตัวเองหรือทีมอธิบายขั้นตอนการโฟกัสจริงๆ ว่าเริ่มอย่างไร ตัดสิ่งรบกวนอะไรออก ใช้สัญญาณอะไรบอกว่าหลุดโฟกัส และตัดสินใจแก้ไขอย่างไร นอกจากนี้ การใช้ผลลัพธ์ภายนอก เช่น คุณภาพงาน เวลาเสร็จจริง หรือการทบทวนหลังงาน (post-mortem) จะช่วยสะท้อนให้เห็นช่องว่างระหว่างความมั่นใจกับความเป็นจริงได้ชัดเจนขึ้น


ในท้ายที่สุด การโฟกัสไม่ใช่เรื่องของความรู้สึกว่า “เราทำได้” แต่คือทักษะที่ต้องออกแบบ ฝึก และตรวจสอบอย่างต่อเนื่อง หากเราไม่ตั้งคำถามกับความมั่นใจของตัวเอง ภาพลวงตาว่าโฟกัสดี อาจกลายเป็นอุปสรรคที่ใหญ่ที่สุดของการทำงานที่ต้องการคุณภาพการคิดอย่างแท้จริง.

 
 
 

ความคิดเห็น


ติดตามข่าวสารและอัปเดตจาก dots.

Thanks for subscribing.

bottom of page