Lean Strategy คืออะไร?

ถ้ากล่าวถึงโลกของการผลิตนั้น Lean Manufacturing จะหลักการสำคัญคือการกำหนดกระบวนการทำงานอย่างชัดเจน เพื่อให้เกิดความปลอดภัย ง่ายต่อการทำงาน และมีประสิทธิภาพสูงสุด เมื่อกิจกรรมสำคัญกลายเป็น "งานมาตรฐาน" (Standard Work) ความแปรปรวนจะลดลง ประสิทธิภาพจะเพิ่มขึ้น ต้นทุนจะลด และคุณภาพจะดีขึ้น ซึ่งหลายบริษัทได้นำหลักการนี้ไปใช้จนประสบความสำเร็จอย่างโดดเด่นในสายการผลิต

แต่กับเรื่องของการวางกลยุทธ์ (Strategy) นั้น ไม่ได้ถูกมองว่าเป็น "งานมาตรฐาน" แต่อย่างใด หลายองค์กรมักมองการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์เป็นเรื่องเฉพาะกรณีที่ไม่มีทางเหมือนกันได้ ทำให้กระบวนการตัดสินใจในเรื่องเดียวกัน เช่น การเข้าสู่ตลาดใหม่ การขยายตลาด ฯลฯ ถูกดำเนินการต่างกันไปในแต่ละรอบและแต่ละผู้นำ นำไปสู่ผลลัพธ์ที่ได้คือการตัดสินใจล่าช้า คุณภาพต่ำ และนำไปสู่การดำเนินงานที่ขาดทิศทางร่วมกัน นั่นทำให้เกิดแนวคิดของการจะเอาหลักการของ Lean มาใช้กับกลยุทธ์ด้วยเหมือนกัน

Lean Strategy คืออะไร ?

Lean Strategy คือการมองว่าการวางกลยุทธ์ไม่ควรเป็น "งานไม่เป็นระบบ" อีกต่อไป แต่ควรมีความเป็นระบบและเป็นมาตรฐานเช่นเดียวกับการผลิต โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อ

:

• ลดความสูญเปล่า (waste) ในการตัดสินใจ

• เพิ่มความเร็วในการดำเนินกลยุทธ์

• ยกระดับคุณภาพของการตัดสินใจ

• สร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน

Lean Strategy ประกอบด้วย 3 องค์ประกอบหลัก:

1. การกำหนดเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ (Setting Strategic Priorities)

เริ่มจากการตั้ง "ความทะเยอทะยานเชิงผลการดำเนินงาน" (Performance Ambition) ที่ท้าทายและมีเป้าหมายชัดเจนในระยะหลายปี ไม่ใช่แค่ตัวเลขงบประมาณที่เจรจากันให้ผ่านไป จากนั้นเปรียบเทียบกับ Multiyear Outlook (MYO) เพื่อเห็น "ช่องว่าง" ที่ต้องอุด ซึ่งจะถูกจัดลำดับความสำคัญไว้ใน Strategic Backlog และดำเนินการตามแผนใน Decision Calendar ที่ชัดเจน

2. การบริหารกลยุทธ์อย่างต่อเนื่อง (Ongoing Strategic Management)

ทุกเรื่องใน backlog จะผ่านกระบวนการตัดสินใจ 2 ช่วงสำคัญ:

Facts and Alternatives: ทำความเข้าใจปัญหาอย่างลึกซึ้ง พร้อมพัฒนา "ตัวเลือกกลยุทธ์" ที่หลากหลายและมีคุณภาพ

Choices and Commitments: เลือกทางเลือกที่ดีที่สุด โดยมีการกำหนดทรัพยากร เป้าหมาย และบันทึกการตัดสินใจอย่างโปร่งใส

3. การติดตามผลการดำเนินงาน (Monitoring Business Performance)

กลยุทธ์ที่ดีต้องมีการติดตามว่าได้ผลหรือไม่ ผ่าน Performance Dialogues ที่วิเคราะห์สาเหตุของความสำเร็จและความล้มเหลวอย่างเป็นระบบ ไม่ใช่แค่รายงานตัวเลขกับงบประมาณเท่านั้น หากผลลัพธ์ไม่เป็นไปตามแผน องค์กรต้องพร้อมกลับไปพิจารณากลยุทธ์ใหม่ทันที

Lean Strategy เสนอให้เรานำ "ความมีระบบ" เข้ามาในการวางกลยุทธ์แบบเดียวกับที่เราใช้ในกระบวนการผลิต เพื่อให้การตัดสินใจกลายเป็นงานที่มีมาตรฐาน สามารถถ่ายทอดได้ และพัฒนาได้อย่างต่อเนื่องในทุกระดับองค์กร มันเป็นแนวคิดที่เปลี่ยน "กลยุทธ์" จากงานที่ถูกขับเคลื่อนด้วยสัญชาตญาณหรือการเมืองภายในองค์กร มาเป็น "กระบวนการที่เป็นระบบ" ซึ่งมีการกำหนดเป้าหมาย ตรวจสอบข้อมูล พัฒนาแนวทาง เลือกทางเลือกที่ดีที่สุด และติดตามผลอย่างต่อเนื่อง ซึ่งการทำเช่นนี้จะไม่เพียงเพิ่มประสิทธิภาพในการวางกลยุทธ์ แต่ยังสร้างความสอดคล้อง ความเร็ว และความมั่นใจในทุกระดับของการตัดสินใจ ส่งผลให้องค์กรสามารถสร้างผลลัพธ์ที่เหนือความคาดหมายได้อย่างยั่งยืนอีกด้วย