8 มิติที่ใช้วัด Brand Strengths
- Nuttaputch Wongreanthong
- 12 พ.ค.
- ยาว 1 นาที

การวัด “ความแข็งแรงของแบรนด์” (Brand Strength) จเป็นหนึ่งในภารกิจสำคัญของนักการตลาดและผู้นำองค์กร เพื่อประเมินว่าธุรกิจมีตำแหน่งที่มั่นคงเพียงใดในตลาด และจะสามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืนหรือไม่โดย “ความแข็งแรงของแบรนด์” ไม่ใช่สิ่งที่ประเมินได้จากตัวเลขใดตัวเลขหนึ่ง แต่เป็นการผสมผสานของปัจจัยเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงพลัง อิทธิพล และความยืดหยุ่นของแบรนด์ในสายตาผู้บริโภค โดยส่วนใหญ่มักจะประเมินจากมิติต่าง ๆ ดังต่อไปนี้
1. การรับรู้แบรนด์ (Brand Awareness)
วัดว่าแบรนด์เป็นที่รู้จักมากน้อยเพียงใดในตลาด โดยดูจากการจดจำแบรนด์แบบไม่ต้องมีตัวช่วย (Unprompted) และแบบมีตัวช่วย (Prompted) ผ่านแบบสอบถาม
2. ภาพลักษณ์และการรับรู้ต่อแบรนด์ (Brand Perception & Associations)
สำรวจว่าผู้บริโภครู้สึกอย่างไรกับแบรนด์ และเชื่อมโยงแบรนด์เข้ากับคุณค่าหรือบุคลิกใด เช่น “น่าเชื่อถือ” หรือ “ทันสมัย” ผ่านการวิจัยเชิงคุณภาพและเชิงปริมาณ
3. ความภักดีต่อแบรนด์ (Brand Loyalty)
ดูว่าลูกค้ากลับมาซื้อซ้ำหรือแนะนำแบรนด์ให้คนอื่นมากเพียงใด โดยใช้ตัวชี้วัด เช่น อัตราการซื้อซ้ำ อัตราการรักษาลูกค้า และ Net Promoter Score (NPS)
4. ความนิยมและการใช้งานแบรนด์ (Brand Preference & Usage)
ประเมินว่าผู้บริโภคเลือกใช้แบรนด์เหนือคู่แข่งหรือไม่ และใช้บ่อยแค่ไหน ผ่านการสำรวจความนิยมและพฤติกรรมการใช้จริง
5. ชื่อเสียงและความรู้สึกต่อแบรนด์ (Reputation & Sentiment)
วิเคราะห์ภาพรวมของเสียงสะท้อนทั้งในสื่อและโซเชียลมีเดีย ว่าเป็นไปในทางบวกหรือลบ ด้วยเครื่องมือวิเคราะห์ Sentiment
6. ส่วนแบ่งตลาดและการเติบโต (Market Share & Growth)
ประเมินตำแหน่งของแบรนด์ในตลาด เทียบกับคู่แข่ง และดูแนวโน้มการเติบโตของฐานลูกค้าและอิทธิพลของแบรนด์
7. ตัวชี้วัดทางการเงิน (Financial Metrics)
วิเคราะห์ความสามารถในการสร้างมูลค่าทางธุรกิจ เช่น อัตรากำไร ความสามารถในการตั้งราคาพรีเมียม และ ROI จากการลงทุนด้านแบรนด์
8. มูลค่าแบรนด์ (Brand Equity)
เป็นการสรุปภาพรวมจากหลายตัวชี้วัดข้างต้น เพื่อสะท้อนมูลค่าที่แท้จริงของแบรนด์ในมุมธุรกิจ
การวัดความแข็งแรงของแบรนด์ไม่ใช่แค่การดูยอดขายหรือยอดไลก์บนโซเชียลมีเดีย แต่ต้องอาศัยมุมมองที่รอบด้าน ครอบคลุมทั้งความรู้สึกของผู้บริโภค พฤติกรรมการซื้อ ชื่อเสียงในตลาด ไปจนถึงผลตอบแทนทางการเงิน หากองค์กรสามารถวัดผลเหล่านี้ได้อย่างสม่ำเสมอ และใช้ข้อมูลเพื่อนำไปปรับกลยุทธ์ ก็จะสามารถพัฒนาแบรนด์ให้แข็งแรงขึ้นได้อย่างยั่งยืนในระยะยาว