top of page

ทำไมทักษะหลากหลาย (M-Profile) ถึงสำคัญกว่าทักษะเดี่ยว (T-Profile)


ree

ในช่วงสิบปีที่ผ่านมา แนวคิดเรื่อง “T-Profile” หรือบุคคลที่มีความรู้กว้างในหลายเรื่อง แต่เชี่ยวชาญลึกในด้านใดด้านหนึ่ง ได้รับความนิยมอย่างมากในแวดวงพัฒนาองค์กรและการสรรหาบุคลากร เพราะเป็นรูปแบบทักษะที่ตอบโจทย์ยุคดิจิทัลซึ่งต้องการผู้เชี่ยวชาญที่เข้าใจภาพใหญ่ด้วย


แต่เมื่อโลกการทำงานเปลี่ยนผ่านอย่างรวดเร็วจาก AI, Automation, และความผันผวนของธุรกิจ แนวคิด T-Profile อาจไม่เพียงพออีกต่อไป หลายองค์กรจึงเริ่มพูดถึงทักษะรูปแบบใหม่ที่เรียกว่า M-Profile ซึ่งสะท้อนลักษณะบุคคลที่มีความรู้เชิงลึกหลายด้าน และสามารถเชื่อมประสานองค์ความรู้เหล่านั้นเพื่อสร้างคุณค่าในสภาพแวดล้อมที่ซับซ้อนกว่าที่เคย


คำถามสำคัญคือ ทำไม M-Profile จึงกำลังกลายเป็นทักษะหลักของคนทำงานยุคใหม่?


1) โลกเปลี่ยนเร็วเกินกว่าจะพึ่ง “ความเชี่ยวชาญเดียว”


ทักษะที่ลึกอย่างเดียวไม่เพียงพอในยุคที่ความรู้บางแขนงมีอายุใช้งานเพียงไม่กี่ปี ความเชี่ยวชาญที่มั่นคงเมื่อวานอาจล้าสมัยในวันนี้ ผู้ที่มีทักษะลึกเพียงด้านเดียวจึงมีความเสี่ยงสูง หากบริบทเปลี่ยนหรือเครื่องมือใหม่เข้ามาแทนที่


ในขณะที่ M-Profile สามารถขยับตัวได้ยืดหยุ่นกว่า เพราะมีความรู้หลายแขนงเป็นฐานรองรับ ทำให้ปรับตัว เปลี่ยนเส้นทาง และย้ายบทบาทได้คล่องตัวกว่าอย่างเห็นได้ชัด


2) ปัญหายุคใหม่ซับซ้อน ต้องการมุมมองหลายสาขาร่วมกัน


โจทย์ธุรกิจปัจจุบันไม่ได้แก้ได้ด้วยความเชี่ยวชาญเดี่ยว เช่น การออกแบบผลิตภัณฑ์ต้องใช้ความรู้ UX, เทคโนโลยี, พฤติกรรมผู้บริโภค และข้อมูล การบริหารองค์กรต้องเข้าใจทั้งกลยุทธ์ คน วัฒนธรรม และผลกระทบเชิงเทคโนโลยี


M-Profile สามารถเชื่อมโยงองค์ความรู้หลายด้านเข้าด้วยกัน ทำให้มองปัญหาได้ครบกว่า และเสนอวิธีแก้ปัญหาที่ “ใช้งานจริง” มากกว่า T-Profile ที่มองลึกแต่แคบ


3) AI ทำงานเฉพาะด้านได้ดีขึ้นเรื่อย ๆ แต่ทำงานข้ามสาขาได้ไม่ดีเท่า


AI สามารถแทนงานเชิงเทคนิคหรือเชิงวิเคราะห์เฉพาะด้านได้ดีขึ้นทุกปี เช่น Coding, Data Cleaning, หรือการประมวลผลข้อมูล แต่ AI ยังเชื่อมโยงความรู้จากหลายโลกเข้าด้วยกันได้ไม่ดีเท่ามนุษย์


คนที่เป็น M-Profile จึงได้เปรียบอย่างมหาศาล เพราะสามารถทำงานร่วมกับ AI ในแต่ละด้าน แล้วนำบริบททั้งหมดมาผสานเป็นแนวคิดใหม่ ซึ่งเป็นสิ่งที่ AI ยังทำไม่ได้


4) M-Profile ช่วยให้สร้างคุณค่าในองค์กรได้หลายบทบาท


ในโลกการทำงานที่รูปแบบงานเปลี่ยนเร็ว ทีมยุบ-ตั้งใหม่ตลอดเวลา และโครงสร้างองค์กรยืดหยุ่นขึ้น ผู้ที่มีความสามารถหลากหลายจะถูกมองว่า “มีประโยชน์สูง” เพราะสามารถเติมเต็มช่องว่างในหลายงานได้ทันที


คนลักษณะนี้ไม่เพียงทำงานได้หลากหลาย แต่ยังช่วยเชื่อมคน เชื่อมทีม และทำให้การทำงานข้ามสายงานลื่นไหลขึ้น ซึ่งเป็นมูลค่าที่สูงกว่าแค่ “เก่งเรื่องเดียว”


5) M-Profile ช่วยเพิ่มความคิดสร้างสรรค์และการคิดเชิงนวัตกรรม


งานวิจัยหลายสาขาชี้ตรงกันว่า ความคิดสร้างสรรค์มักเกิดจากการเชื่อมโยงองค์ความรู้ที่ไม่เกี่ยวกันเข้าด้วยกัน ความหลากหลายของทักษะทำให้เกิดการมองเห็นรูปแบบใหม่ ๆ ที่คนเชี่ยวชาญเฉพาะด้านอาจไม่เห็น เพราะถูกจำกัดด้วยกรอบความคิดเชิงลึกที่ตนมี


ดังนั้น M-Profile จึงเป็นแหล่งกำเนิดไอเดียใหม่ ๆ ที่องค์กรต้องการมากที่สุดในยุคสภาวะการแข่งขันรุนแรง


แล้วเราควรพัฒนาตัวเองไปทางไหนต่อ?


คำแนะนำสำคัญไม่ใช่การทิ้งความเชี่ยวชาญเดิม แต่คือการ “ขยายจากหนึ่งด้านให้เป็นหลายด้าน” โดยเลือกเสริมทักษะที่สอดคล้องกับเส้นทางงาน เช่น


  • นักการตลาดที่เข้าใจ Data และ UX

  • นักเทคโนโลยีที่เข้าใจจิตวิทยาผู้ใช้

  • ผู้บริหารที่เข้าใจทั้งธุรกิจ คน และเทคโนโลยี

  • นักออกแบบที่อ่าน Data เป็นและเข้าใจ Business Model


คุณค่าของ M-Profile จึงไม่ใช่การรู้ทุกอย่าง แต่คือการ “รู้ลึกหลายด้าน และเชื่อมโยงเป็นระบบเดียวกันได้”


T-Profile เคยเป็นมาตรฐานสำคัญของคนทำงานยุคก่อน แต่โลกวันนี้ต้องการความคิดแบบหลายมิติ ความเข้าใจข้ามสาขา การมองภาพรวม และความสามารถในการเชื่อมบริบทหลากหลายเข้าด้วยกัน คนที่เป็น M-Profile จึงมีความพร้อมสูงกว่า สามารถทำงานร่วมกับ AI ได้ดีกว่า และสร้างคุณค่าใหม่ ๆ ให้กับองค์กรได้มากกว่า


สุดท้ายแล้ว ในยุคที่ความเชี่ยวชาญด้านเดียวอาจถูกแทนที่ได้ง่ายที่สุด คนที่มีทักษะหลากหลายและเชื่อมโยงได้หลายโลก จะเป็นคนที่มีมูลค่าเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ และไม่ถูกจำกัดด้วยตำแหน่งหรือบทบาทใดบทบาทหนึ่งอีกต่อไป


ree

 
 
 

ความคิดเห็น


ติดตามข่าวสารและอัปเดตจาก dots.

Thanks for subscribing.

bottom of page