top of page

ทำไมการเรียนรู้ที่ดีต้อง “ยาก”, ต้อง “ไม่สบายใจ”, และต้อง “ล้มเหลว”

ree

ในโลกการทำงานที่เปลี่ยนแปลงเร็ว ความสามารถในการ “เรียนรู้สิ่งใหม่” กลายเป็นสินทรัพย์สำคัญที่สุดของคนและองค์กร แต่ปัญหาคือ เรามักเข้าใจผิดอยู่ลึก ๆ ว่า การเรียนรู้ควรจะ “ราบรื่น”, “ง่าย”, และ “เหมาะกับสไตล์ของเรา” ทั้งที่หลักฐานทางประสาทวิทยาศาสตร์บอกตรงกันข้ามว่า การเรียนรู้ที่มีคุณภาพสูงที่สุดมักจะเกิดขึ้นจากช่วงเวลาที่เรารู้สึก “อึดอัด”, “ท้อแท้”, และ “ล้มเหลวซ้ำแล้วซ้ำเล่า”


นี่ไม่ใช่ปรัชญาเชิงแรงบันดาลใจ แต่เป็นข้อเท็จจริงจากงานวิจัยว่าด้วย neuroplasticity และการสร้างเส้นทางประสาทใหม่ของสมองซึ่งเราต้องเข้าใจกันว่า “การเรียนรู้ที่ดีต้องใช้ความพยายามมากกว่าสิ่งที่เรารู้สึกสบายใจ” และ “สิ่งที่ทำได้ง่ายมักสร้างการเปลี่ยนแปลงในสมองน้อยมาก” 


1. ความยาก: พลังที่ผลักสมองให้สร้างเส้นทางใหม่


สมองเรียนรู้ผ่านการสร้างและเสริมความแข็งแรงของการเชื่อมต่อระหว่างเซลล์ประสาท (synapses) เมื่อคุณทำสิ่งเดิม ๆ ที่ถนัด สมองเพียงใช้เส้นทางเก่า แต่เมื่อคุณเผชิญของใหม่และรู้สึกว่า “ยาก” สมองถูกบังคับให้สร้างเส้นทางใหม่ ซึ่งคือหัวใจของการพัฒนา


ตามหลัก “What fires together, wires together” ของ Donald Hebb เมื่อคุณใช้วงจรสมองซ้ำ ๆ ในงานยาก ๆ การเชื่อมต่อจะยิ่งแข็งแรงจนกลายเป็นทักษะถาวร และนั่นย้ำให้เราตระหนักรู้ว่า “การเรียนรู้ที่ยากกว่าก่อให้เกิดกิจกรรมทางสมองมากกว่า และนำไปสู่การพัฒนาอย่างแท้จริง” 


2. ความไม่สบายใจ: สัญญาณว่าคุณอยู่ในโซนเรียนรู้จริง


คนส่วนใหญ่ตีความ “ไม่สบายใจ” เป็นสัญญาณว่าตนไม่เก่งหรือไม่เหมาะกับสิ่งนั้น แต่จากมุมมองสมอง ความรู้สึกอึดอัดคือสัญญาณว่าคุณกำลังพาตัวเองออกจาก “comfort zone” และกำลังสร้างการเปลี่ยนแปลงภายใน


สมองไม่ชอบความไม่แน่นอน แต่ “ความไม่แน่นอน” นี่เองคือสิ่งที่เปิดทางให้เกิดการประมวลผลใหม่ การคิดใหม่ และการปรับปรุงตัวเอง และนั่นคือ “การเรียนรู้อย่างแท้จริงมักทำให้คุณไม่สบายใจ เพราะคุณกำลังท้าทายสมองให้ใช้พลังงานมากกว่าปกติ” 


3. ความล้มเหลว: กลไก feedback ตามธรรมชาติของสมอง


ความล้มเหลวไม่ได้เป็นแค่ส่วนหนึ่งของการเรียนรู้ แต่เป็น “เงื่อนไขจำเป็น” เพราะสมองจะเรียนรู้ผ่านการเปรียบเทียบความคาดหวังกับผลลัพธ์จริง (prediction error)


เมื่อคุณทำพลาด สมองจะปรับแบบจำลองภายใน (internal model) ใหม่ เพื่อไม่ให้ผิดซ้ำ นี่คือเหตุผลว่าทำไมการทดลอง, การลงมือทำ, การล้มเหลวเล็ก ๆ ซ้ำ ๆ จึงทรงพลังกว่าการอ่านหรือฟังเพียงอย่างเดียว ตรงกับแนวคิดที่ว่า “จงสะท้อนความผิดพลาด เพราะการยอมรับและเรียนรู้จากมันคือการสร้างการเชื่อมต่อใหม่ที่ลึกที่สุดในสมอง” 


4. เหตุผลเชิงธุรกิจ: องค์กรที่ไม่ผลักคนออกจาก comfort zone จะไม่มีวันสร้างความสามารถใหม่


หากมองในระดับองค์กร แนวคิดนี้มีนัยสำคัญอย่างมาก เพราะโลกงานในยุคใหม่ต้องการ workforce ที่สามารถ reskill อย่างต่อเนื่อง ไม่ใช่แค่ “ทำงานตามที่ถนัด”


ดังนั้น หากองค์กรสร้างวัฒนธรรมที่หลีกเลี่ยงความผิดพลาด หลีกเลี่ยงความไม่สบายใจ หลีกเลี่ยงการลองของยาก ก็เท่ากับปิดกั้นการเติบโตของพนักงานโดยตรง


การเรียนรู้ที่ยั่งยืนขององค์กรต้องให้พื้นที่สำหรับ

– การลองผิดลองถูก

– การทำภารกิจที่ยากเกินความสามารถปัจจุบัน

– การสะท้อนบทเรียนหลังล้มเหลว

– การไม่ลงโทษความผิดพลาดที่เกิดจากการทดลอง


องค์กรที่กล้าสร้างพื้นที่เหล่านี้จะสร้าง workforce ที่พร้อมเปลี่ยนแปลงอย่างแท้จริง


การเรียนรู้ที่ดีไม่ใช่การเดินบนเส้นทางเรียบง่าย แต่คือการฝึกสมองให้ทำงานหนักกว่าที่เคย ความยาก ความอึดอัด และความล้มเหลวไม่ใช่อุปสรรค แต่คือดัชนีชี้วัดว่าคุณกำลังก้าวข้ามขีดจำกัดเดิมของตัวเอง


เมื่อเข้าใจหลักการทางสมองเหล่านี้ เราจะเลิกกลัว stage ที่ยากที่สุดของการเรียนรู้ และเริ่มมองมันเป็นช่วงเวลาที่ “คุ้มค่าที่สุด” ของการพัฒนาตัวเอง


ree

 
 
 

ความคิดเห็น


ติดตามข่าวสารและอัปเดตจาก dots.

Thanks for subscribing.

bottom of page