top of page

การหาช่องว่างในตลาด (Market Gap): ความสำคัญและวิธีการ


Market Gap

ช่องว่างในตลาด (Market Gap) เป็นเรื่องที่หากจะประกอบธุรกิจแล้วก็ควรจะโฟกัส ให้ความสำคัญและมองหาให้เป็น นั่นเพราะ Market Gap คือโอกาสสำคัญของธุรกิจเพราะมันคือสิ่งที่อยู่ระหว่างสินค้าหรือบริการในตลาดกับความต้องการของผู้บริโภคในตลาด หรือหากจะพูดกันแบบง่าย ๆ แล้วมันคือที่ว่างซึ่งคือความต้องการของลูกค้าที่ยังไม่มีใครในตลาดสามารถตอบสนองได้


ความสำคัญของการหา Market Gap

การหา Market Gap มีความสำคัญต่อการทำธุรกิจในหลายเหตุผล เช่น

  1. การสร้างนวัตกรรมใหม่ให้กับธุรกิจ (Innovation): การเห็น Market Gap จะสามารถทำให้ธุรกิจมองเห็นโอกาสในการพัฒนาสินค้าหรือบริการใหม่ขึ้นเพื่อสามารตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้

  2. การสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน (Competitive Advantage): หากสามารถเติมช่องว่างของ Market Gap ได้นั้น ก็จะยิ่งเป็นการสร้างจุดแข็งให้กับธุรกิจ สามารถกลายเป็นความได้เปรียบสำคัญที่จะเอาชนะคู่แข่งได้

  3. สร้างโอกาสการเติบโต (Growth): หากธุรกิจสามารถพัฒนาโซลูชั่นที่สามารถมาตอบโจทย์ Market Gap ได้นั้นก็จะทำให้มีโอกาสที่ธุรกิจจะเติบโตได้อย่างรวดเร็วเนื่องจากเป็นที่ต้องการของผู้บริโภค ขณะเดียวกันก็สามารถขยายฐานตลาดได้มากขึ้นกว่าตลาดเดิมของธุรกิจ

เราจะหา Market Gap ได้อย่างไร ?

การจะหา Market Gap นั้นสามารถทำได้หลายวิธี เช่น

  1. การทำ Market Research: โดยทำความเข้าใจกลุ่มเป้าหมาย ความต้องการของลูกค้า แล้วนำมาพัฒนาเป็น Customer Insight ที่จะใช้ทำงานเพื่อพัฒนาสินค้าหรือบริการ การทำ Research สามารถทำได้หลายวิธีไม่ว่าจะเป็นการสัมภาษณ์ การทำแบบสอบถาม การทำ Focus Group เป็นต้น

  2. การวิเคราะห์คู่แข่ง (Competitor Analysis): การศึกษาคู่แข่งก็สามารถทำให้เข้าใจได้ว่าคู่แข่งกำลังให้อะไรกับลูกค้า ตอบโจทย์เรื่องไหนและอะไรคือสิ่งที่พวกเขาขาดหายไปหรือยังทำได้ไม่ดี ซึ่งนั่นก็จะเห็นพื้นที่ว่างที่เกิดขึ้นได้เหมือนกัน

  3. การดู Customer Feedback: หลายครั้งที่นักการตลาดสามารถหา Market Gap จากการดูความคิดเห็นของลูกค้า ซึ่งความเห็นเหล่านี้มักจะบอกว่าอะไรเป็นสิ่งที่เขาพึงพอใจและไม่พึงพอใจ ทำให้นักการตลาดสามารถพอบอกได้ว่าอะไรเป็นสิ่งที่เขาต้องการแต่ยังไม่ได้รับการตอบสนอง

  4. การดู Market Trend: การศึกษาเทรนด์และแนวโน้มของตลาดก็มีส่วนทำให้เห็น Market Gap ได้เหมือนกัน เพราะการเข้าใจแนวโน้มพฤติกรรมของลูกค้าก็จะช่วยให้เราพอเห็นภาพว่าความต้องการของพวกเขาคืออะไร มีระดับต่างไปจากเดิมตรงไหน และเกิดช่องว่างอะไรบ้าง

  5. การดูตลาดพิเศษ (Niche Market) กลุ่มตลาดที่มีความต้องการพิเศษมักจะให้ Customer Insight บางอย่างได้เป็นอย่างดีเนื่องจากกลุ่มนี้มักจะมีความต้องการที่มากกว่าทั่วไป ความต้องการเฉพาะนี้สามารถบอกความต้องการที่คนทั่วไปอาจจะไม่รู้ตัวหรือถูกซ่อนอยู่

  6. การดู Customer Journey: การสำรวจกระบวนการซื้อสินค้าของผู้บริโภคก็สามารถทำให้เราเห็นขั้นตอนต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในการซื้อสินค้า กระบวนการคิดและพิจารณา ซึ่งนั่นทำให้เราเห็นได้ว่าอะไรเป็นช่องว่างที่ยังมีอยู่และสามารถเติมให้เต็มได้

สรุป

การหา Market Gap นั้นเป็นหนึ่งในสิ่งที่นักการตลาดที่เก่งจะหมั่นมองหาอยู่เสมอเพื่อนำไปใช้ต่อยอดและพัฒนาสินค้าของตัวเองให้ดีขึ้นเรื่อย ๆ สร้างระยะห่างและความได้เปรียบกับคู่แข่ง แถมอาจจะสามารถนำไปสู่การเติบโตที่มากขึ้นของธุรกิจเช่นรายได้ที่มากขึ้นหรือลูกค้าที่เยอะขึ้น

ติดตามข่าวสารและอัปเดตจาก dots.

Thanks for subscribing.

bottom of page