หมายเหตุ: บทความนี้เป็นบทความประชาสัมพันธ์จากทาง Adobe
การใช้ Generative AI น่าจะเป็นประเด็นใหญ่ที่หลายองค์กรจะพูดกันอย่างจริงจังต่อจากนี้ และนั่นทำให้หลายองค์กรเริ่มตั้งคำถามตั้งต้นก่อนว่าเราจะสามารถใช้ Generative AI สามารถทำอะไรได้บ้าง ?
ทาง Adobe ซึ่งก็เป็นหนึ่งในบริษัทที่กำลังพัฒนา Generative AI เพื่อเอามาเสริมกับ Creative / Marketing Tools ของตัวเองก็เลยให้กรอบพื้นฐานในการที่แบรนด์จะมองเรื่องการใช้ Generative AI โดยจะเป็นผลระยะสั้นที่เห็นชัดได้ดังนี้
1. การใช้ AI สร้าง Content / Copy สำหรับการตลาด:
แบรนด์จะสามารถใช้ Generative AI เพื่อสร้างข้อความรูปแบบต่างๆ สำหรับหลากหลายช่องทางการติดต่อกับผู้บริโภคได้ในทันที เช่น เว็บเพจ อีเมล และเมสเสจสำหรับมือถือ โดยทั้งหมดนี้มีการปรับแต่งให้สอดรับกับสไตล์และภาษาของแบรนด์นั้น ๆ ซึ่ง Generative AI จะช่วยในการสร้างคอนเทนต์เหล่านี้ได้ในปริมาณที่มากในเวลาอันสั้น
2. การใช้ AI สร้างประสบการณ์การสนทนา:
Generative AI จะปรับปรุงบริการแชทบอท (Chatbot) โดยจัดหาเครื่องมือที่เหนือกว่าให้กับแบรนด์ที่ทำธุรกิจ B2B เพื่อดึงดูดลูกค้าให้เข้ามาในช่องทางดิจิทัลของบริษัท และสร้างข้อมูลสรุปเกี่ยวกับการติดต่อเมื่อลูกค้าเป้าหมายกลับเข้ามาอีกครั้ง สำหรับผู้บริโภค เทคโนโลยีแชทจะได้รับการพัฒนาให้กลายเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพและมีความใกล้เคียงกับการโต้ตอบกับมนุษย์มากยิ่งขึ้น ซึ่งช่วยให้นักการตลาดรู้ว่าควรจะใช้การสนทนาเมื่อใดและในจุดใดบ้างใน customer journey
3. การใช้ AI ระบุกลุ่มเป้าหมาย และการสร้าง Customer Journey:
การแบ่งS Segment (กลุ่มเป้าหมาย) และการเปรียบเทียบผู้ชมสำหรับแคมเปญที่เจาะจงกลุ่มเป้าหมายนับเป็นงานที่ยุ่งยากและต้องใช้เวลานาน และบางครั้งก็อาจไม่ได้รับทราบข้อมูลที่ครบถ้วนสมบูรณ์ ในขณะเดียวกัน การเชื่อมโยงจุดต่างๆ สำหรับประสบการณ์ของลูกค้าอาจเป็นเรื่องที่ท้าทายสำหรับแบรนด์ซึ่ง Generative AI จะเข้ามาช่วยสร้างกลุ่มเป้าหมายที่หลากหลายโดยอัตโนมัติ และให้ความแม่นยำที่น่าทึ่งสำหรับแคมเปญแบบเฉพาะบุคคลที่นำเสนอแก่ลูกค้าหลายล้านคน นอกจากนี้ยังช่วยให้แบรนด์ต่างๆ สามารถจำลองประสบการณ์ของลูกค้าที่เกิดขึ้นบนช่องทางออนไลน์และออฟไลน์ รับทราบข้อมูลเชิงลึกแบบเรียลไทม์เกี่ยวกับข้อเสนอที่ดีที่สุดและช่องทางติดต่อที่เหมาะสมสำหรับผู้บริโภค และเริ่มต้นส่งมอบประสบการณ์ใหม่ๆ ให้แก่ลูกค้าได้รวดเร็วยิ่งขึ้น โดยใช้ Generative AI เพื่อปรับแต่งเทมเพลตตามแนวทางปฏิบัติที่เหมาะสม
4. การใช้ AI วิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกแบบเรียลไทม์ที่นำไปใช้ได้จริง:
Generative AI จะขับเคลื่อนการสร้างคำบรรยายแบบอัจฉริยะ รวมถึงคำอธิบายแบบข้อความสำหรับการแสดงผลต่างๆ เช่น ตารางกลุ่มประชากร และแผนภูมิ Fallout ซึ่งจะช่วยให้แบรนด์ได้รับทราบข้อมูลและนำเสนอคำตอบให้แก่ลูกค้าได้อย่างรวดเร็วมากขึ้น
ที่อธิบายมาข้างต้นนี้น่าจะเป็นภาพเริ่มต้นได้ดีว่า Generative AI จะเข้าไปช่วยการตลาดได้ในอย่างไร และหากธุรกิจอยากจะรีบเข้าสู่กระแสนี้โดยเร็วนั้นจะต้องปักธงไว้ในเรื่องใดบ้าง เพื่อสร้างแนวทางตั้งต้นที่ดีสำหรับการนำ Generative AI ไปใช้ในการตลาดของตัวเอง