เมื่อเราพูดถึงการตลาดดิจิทัลนั้น เราอาจจะนึกภาพเห็นชัดในยุคปัจจุบันที่มีประชากรที่สามารถเข้าถึงโลกอินเตอร์เนตมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งมีช่องทางและทางเลือกในการเสพข้อมูลบนโลกออนไลน์มากกว่าแต่ก่อน แน่นอนว่าการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวนั้นทำให้เกิดการพัฒนาและปรับตัวของการตลาดบนโลกดิจิทัลมาโดยตลอด ซึ่งเราก็พอจะแบ่งเป็นช่วงต่างๆ ได้ดังนี้
ช่วงที่ 1: Traditional Digital Marketing
ช่วงนี้อาจจะเป็นช่วงของการบูมของเว็บไซต์และชุมชนออนไลน์อย่างเว็บบอร์ด พฤติกรรมของคนออนไลน์ยุคนี้คือการเข้าไปเสพคอนเทนต์ต่างๆ ในเว็บไซต์ใหญ่ๆ หรือไม่ก็เข้าไปแลกเปลี่ยนความคิดเห็นบนกระทู้ในเว็บบอร์ดต่างๆ การตลาดออนไลน์ยุคนี้จะเน้นเรื่องการซื้อสื่อในเว็บไซต์ต่างๆ โดยส่วนมากก็จะเป็นเว็บแบนเนอร์ที่เราคุ้นเคย ซึ่งก็ไม่แปลกอะไรเพราะเป็นยุคที่ออนไลน์เริ่มมีตัวตนสำหรับนักการตลาดที่คุ้นเคยกับแนวคิดการตลาดแบบเดิมๆ คือการซื้อสื่อในที่ต่างๆ เพื่อสร้างการพบเห็นและจดจำแบรนด์ได้
พัฒนาการของ Traditional Digital Marketing นั้นจะเน้นเรื่องการใช้เทคโนโลยีสร้างสื่อที่แตกต่างไปจากเดิม จากเริ่มต้นที่การแบนเนอร์ขนาดต่างๆ ต่อยอดไปจนถึงการเปลี่ยน Theme หรือพื้นหลัง หรือการสร้างแบนเนอร์ที่สามารถโต้ตอบหรือมีการเคลื่อนไหวน่าสนใจ ทั้งนี้มีจุดประสงค์หลักคือดึงความสนใจให้กดแบนเนอร์เพื่อไปยังข้อมูลที่โฆษณาเอาไว้ โดยจะว่าไปแล้ว วิธีการนี้ก็คล้ายๆ กับการซื้อ Billboard ตามท้องถนนนั่นเอง
ช่วงที่ 2: Social Media Marketing
เมื่อกระแส Facebook และ Twitter บูมอย่างสุดขีด จึงไม่แปลกที่นักการตลาดและหลายๆ แบรนด์จึงหันมาทำการตลาดดิจิทัลอย่างจริงจัง จากเดิมที่เคยซื้อสื่อออนไลน์เพียงอย่างดียวก็หันมาสร้างสื่อของตัวเองอย่าง Facebook Page หรือ Twitter Account เพื่อเป็นช่องทางในการโปรโมตข่าวสารของตัวเอง ตลอดไปจนการสร้างแอพพลิเคชั่นหรือแคมเปญต่างๆ โดยใช้กลไกของ Social Media เป็นตัวขับเคลื่อนอย่างการ Like Share หรือ RT
การตลาดในยุค Social Media Marketing นั้นจะเป็นการตลาดโดยเน้นสร้างการบอกต่อและเชื่อมโยงกันบนเครือข่ายสังคมเพื่อทำให้เกิดโอกาสในการเข้าถึงผู้บริโภคบนโลกออนไลน์มากขึ้น
ช่วงที่ 3: Content Marketing
ในขณะที่กระแส Social Media Marketing ยังคงฮิตไม่มีทีท่าว่าจะตก กระแส Content Marketing ก็เริ่มเกิดขึ้นเพราะแบรนด์ต่างๆ เริ่มมีสื่อของตัวเองที่สามารถควบคุมและออกแบบได้ตามต้องการ ประกอบกับการเห็นความสามารถของ Social Media ในการกระจายและเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารได้ แนวคิด Content Marketing จึงเกิดขึ้นมาเพื่อปรับทัศนคติของแบรนด์ให้หันมาคิดในมุมมองของการเป็น “เจ้าของสื่อ” หรือ “ผู้ผลิตคอนเทนต์” แทนที่จะเป็นผู้ที่ซื้อสื่อในแบบเดิมๆ
ทั้งนี้ การคิดแบบ Content Marketing อาจจะมีความคล้ายคลึงและเชื่อมต่อกับ Social Media Marketing แต่จะให้ความสนใจกับเรื่องการผลิตคอนเทนต์ที่มีคุณค่ากับผู้บริโภคหรือลูกค้าเป็นหลักมากกว่า ซึ่งจะว่าไปแล้วก็เหมือนแนวคิดที่หวังจะสร้างให้แบรนด์กลายเป็นผู้ผลิตคอนเทนต์ที่น่าติดตามสำหรับผู้บริโภค ในขณะเดียวกันก็สร้างผลดีในเรื่องการสื่อสารกลับไปยังตัวแบรนด์พร้อมๆ กัน