การทำการตลาดแบบ O2O Marketing (Online-to-Offline) นั้นเป็นโจทย์ใหญ่สำหรับหลายธุรกิจที่มีทั้งส่วนที่อยู่บนออนไลน์และออฟไลน์ ซึ่งในปัจจุบันก็การพยายามทำให้สองส่วนนี้สามารถเชื่อมต่อกัน รับ-ส่งกันและเกิดประสิทธิภาพในการทำการตลาด แต่แม้ว่าเราจะมีเทคโนโลยีที่มีศักยภาพมากขึ้นแล้ว เราก็ยังเห็นปัญหาหลายอย่างที่มักเกิดขึ้นกับองค์กรที่พยายามทำ O2O Marketingในลักษณะดังต่อไปนี้
ขาดการเชื่อมต่อที่มีประสิทธิภาพ: หลายองค์กรมีการทำการตลาดระหว่างออนไลน์และออฟไลน์ที่แยกจากกัน และยังไม่สามารถนำข้อมูลของสองฝั่งนี้มาเชื่อมโยงกันแล้วนำไปสู่ Customer Experience ที่ต่อเนื่องได้ ทำให้เกิดพบปัญหาการได้รับข้อความซ้ำซ้อน การสื่อสารที่ไม่เชื่อมต่อกัน ทำให้ผู้รับบริการเกิดความสับสนได้ง่าย
Data ไม่มีคุณภาพ: ปัญหาการเก็บ Data ซ้ำซ้อนหรือได้ Data ที่ไม่มีจากทั้งฝั่งออฟไลน์และออนไลน์ก่อปัญหาให้กับหลายองค์กรที่ต้องใช้เวลาในการทำ Data Cleaning แถมหลายครั้งก็พบว่าไม่ใช่แค่ข้อมูลที่ซ้ำซ้อนกัน แต่ข้อมูลนั้นอาจจะเก็บมาผิดวิธี ใช้ประโยชน์จริงไม่ได้ ทำให้การจะสร้างประสบการณ์แบบ O2O ไม่ได้เกิดขึ้นจริง
การวัดผลออฟไลน์ที่มีแหล่งข้อมูลน้อยไป: ในขณะที่ช่องทางออนไลน์อาจจะสามารถเก็บข้อมูลและติดตามกลุ่มเป้าหมายได้ละเอียดมาก แต่ในช่องทางออฟไลน์ของหลายองค์กรอาจจะมี Attribution (แหล่งข้อมูล) ที่ไม่มากพอ ทำให้การตรวจวัดประสิทธิภาพของแคมเปญนั้นมีข้อจำกัด เช่นมีเพียงแค่การซื้อสินค้าเท่านั้นทั้งที่จริงน่าจะมีจุดที่ทำให้เกิดปฏิสัมพันธ์ที่ละเอียดกว่าได้ เช่นการเยี่ยมชมร้าน การสอบถามข้อมูลสินค้า ฯลฯ
การไม่ครอบคลุม Customer Journey: ในวันที่ Customer Journey มีความหลากหลายและซับซ้อนนั้นทำให้เป็นความท้าทายมากของแบรนด์ในการจะพยายามติดตาม สร้างการเก็บข้อมูลและสร้างประสบการณ์ได้ครอบคลุม Customer Journey ได้ ซึ่งเมื่อไม่สามารถจะเก็บ Customer Journey ได้ทั้งหมดนั้นก็ยากที่จะทำให้เกิด O2O Marketing ได้
นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของปัญหาที่มักเกิดเวลาหลายธุรกิจหมายมั่นปั้นมือที่จะทำ O2O Marketing ให้มีประสิทธิภาพ ซึ่งหากต้องการให้การตลาดแบบนี้ได้ผลแล้วก็ต้องเข้ามาแก้ไขปัจจัยเหล่านี้ให้ได้นั่นเอง