ทำไมการเป็น Strategist ถึงยากกว่า Tactician

ในการพัฒนาคนให้มีความคิดเชิงกลยุทธ์นั้น หนึ่งในสิ่งที่จะเห็นได้คือความยากในการที่จะคิดจนทำหลายคนอาจจะเข้าขั้นท้อและรู้สึกว่ามันต่างไปจากการพัฒนาให้เป็นผู้ลงมือทำหรือ Tactician

เรื่องนี้ก็อาจจะไม่แปลกอะไรเพราะถ้าเรามองระดับความต่างของ Strategist กับ Tactician นั้นก็จะเห็นว่าเป็นการทำงานที่ไม่เหมือนกัน เช่น Strategist คือการคิดและมองในภาพกว้างและระยะยาวในขณะที่ถ้าเป็น Tactician ก็จะมองที่ผลลัพธ์และความสำเร็จในระยะสั้น เช่น Content Strategist จะต้องคิดไปว่าการสร้างคอนเทนต์นี้จะร้อยต่อกันจนทำให้เกิดจุดแข็งของธุรกิจเพื่อสู่กับการแข่งขันในตลาดได้อย่างไร ในขณะที่ Tactician จะโฟกัสกับคอนเทนต์ในรายชิ้นหรือการทำตาม Content Calendar ในสัมฤทธิ์ผล เช่นทำ Video Clip ให้มีคนดูเยอะ ๆ คิดมุกสำหรับคอนเทนต์ให้เกิดการติดตาม ฯลฯ

นอกจากนี้แล้ว เราอาจจะมองได้ว่า Strategist นั้นจะอยู่กับ "ความนามธรรม" ในขณะที่ Tactician จะอยู่กับการเป็น "รูปธรรม" ซึ่งก็ทำให้หลายคนไม่ได้ถนัดในการรับมือกับสิ่งที่ยังจับต้องไม่ได้ ยังไม่เห็นหลักฐานและการปฏิบัติที่ชัดเจนออกมาจนทำให้นักการตลาดหลายคนเลือกจะหัดไปสนใจที่แทคติกซึ่งดูจะจับต้องได้มากกว่า เป็นต้น

เรื่องนี้ จึงไม่แปลกที่มีการพูดกันว่าเรากำลังอยู่ในช่วงเวลาที่มี Tactician เยอะสวนทางกับ Strategist ด้วยการที่มีบรรดาแทคติกหรือ "วิธีการ" มากมายที่ถูกพูดถึงและประโคมกันให้ทำตามกัน ต่างจากการที่มาวิเคราะห์และเข้าใจสิ่งที่เป็นกลยุทธ์ของธุรกิจ จนอาจจะเป็นจุดที่เราต้องแอบกังวลบ้างว่าความเป็น Strategist จะกลายเป็นของหายากของวงการหรือเปล่า

อย่างไรก็ตามนี้ สิ่งที่เราจะต้องพิจารณาคือการที่ธุรกิจจะประสบความสำเร็จนั้นจำเป็นต้องผสานทั้งสองเรื่องเข้ากันให้ดี เพราะแม้ว่าจะชำนาญในการปฏิบัติแต่ขาดกลยุทธ์และทิศทางที่ชัดเจนก็อาจจะพลาดเมื่อต้องเข้าสู่การแข่งขันระยะยาวหรือต้องเสียทรัพยากรโดยใช่เหตุ เช่นเดียวกับถ้ามีกลยุทธ์แต่ขาดการปฏิบัติที่มีประสิทธิภาพก็อาจจะไม่เกิดผลด้วยเช่นกัน