top of page

3 ความเชื่อในการทำ Content ขายของออนไลน์ที่คนมักไม่ทำ แต่จริงๆ อาจจะควรทำ

การขายของออนไลน์นั้นกลายเป็นสิ่งที่แพร่หลายกันมากในปัจจุบันเช่นเดียวกับที่พ่อค้าแม่ค้าจำนวนมากใช้ Facebook Page หรือเว็บไซต์ต่างๆ ในการนำเสนอสินค้าต่างๆ ของตัวเองรวมทั้งการทำคอนเทนต์ต่างๆ อีกมากมาย

อย่างไรก็ตาม มันก็มี “ความเชื่อ” บางอย่างของการทำคอนเทนต์ขายของออนไลน์ที่ทำต่อๆ กันมาเยอะไม่น้อย โดยในบางมุมก็ “เหมือนจะดี” แต่บางทีมันก็อาจจะ “ไม่ดี” อย่างที่คิดก็ได้ ผมลองหยิบบางเรื่องที่มักมีคนมาปรึกษากับผมบ่อยๆ มาลองให้คิดตามกันดูนะครับ

1. เราไม่ควรพูดข้อเสียหรือข้อจำกัดของสินค้า

สำหรับพ่อค้าแม่ค้าแทบทุกคนนั้น เราต้องการยอดขายที่เยอะ ต้องการให้คนมาสนใจและซื้อกันเยอะๆ และเราก็พยายามชูจุดขายต่างๆ ออกมาเพื่อดึงความสนใจ พยายามพูด Benefit ต่างๆ รวมทั้งข้อดีมากมาย

คำถามคือแล้วเราควรพูดเรื่องข้อจำกัดหรือข้อเสียหรือไม่?

หลายๆ คนอาจจะพยายามเลี่ยงพูดเรื่องเหล่านี้เพราะเหมือนเป็นการขัดขาตัวเองที่จะได้ลูกค้าเพิ่ม บ้างก็กลัวว่าเดี๋ยวคู่แข่งจะเอาไปเป็นจุดเปรียบเทียบกันได้

อย่างไรก็ตาม เราอาจจะกลับมาวิเคราะห์และตั้งคำถามกันเสียหน่อย

  1. จะเกิดอะไรขึ้นถ้าเราคาดหวังกับสินค้าเราจากจุดขายต่างๆ แล้วต่อมาผิดหวังเมื่อเจอข้อจำกัดที่เราปกปิดไว้?

  2. การที่เขาเจอข้อมูลเหล่านี้จากเราเอง กับการไปเจอคนอื่นวิจารณ์ ให้ข้อมูล หรือเจอคู่แข่งของเราบอก สถานการณ์ไหนจะแย่กว่ากัน?

เมื่อลองคิดตามนั้น หลายๆ ทีผมก็มักจะบอกกับคนที่มาอบรมกับผมว่าการพูดถึงข้อจำกัดหรือข้อเสียต่างๆ มันก็ไม่ได้แย่เสมอไปเพราะมันเป็นการตั้ง “ความคาดหวัง” ที่ถูกต้องให้กับลูกค้า เช่นเดียวกับที่ถ้าเขาไม่ซื้อสินค้าเราเพราะข้อจำกัดนั้นๆ แล้วก็ย่อมแปลว่าสินค้าของเราไม่ตอบโจทย์เขาตั้งแต่ต้น ถ้าเขาซื้อไปก็จะผิดหวัง ไม่แนะนำคนอื่น แถมอาจจะโจมตีต่อด้วยอีกต่างหาก

2. เราไม่ควรบอกราคาสินค้าของเรา

ร้านค้าหลายร้านเลี่ยงการบอกราคาสินค้าต่างๆ แบบ Public แล้วให้ลูกค้าเข้ามาสอบถามเองโดยส่วนมากนั้นกลัวการรู้ราคาจากคู่แข่ง กลัวโดนการตัดราคาต่างๆ

แต่สิ่งที่ผมลองชวนคิดในหลายๆ ครั้งคือท้ายที่สุดราคาสินค้าของคุณนั้นเป็น “ความลับ” จริงๆ หรือ? เพราะถ้าคู่แข่งคุณอยากรู้จริงๆ มันก็รู้ได้ไม่ยากเลยแม้แต่น้อย

คำถามคือแล้วกับลูกค้าที่เขาสนใจ แต่ไม่เจอข้อมูลเรื่องราคาต่างๆ ในช่วงที่เขากำลังตัดสินใจแล้วร้านค้าบอกให้ต้องสอบถามไปยัง LINE / Messenger ซึ่งก็ต้องไปรอคนมาตอบอีกนั้นเป็นประสบการณ์ที่ลูกค้าจะแฮปปี้หรือเปล่า? และถ้าเกิดมีร้านค้าอื่นที่สามารถทำได้เหมือนกันและไม่ต้องยุ่งยากเท่านี้จะเกิดอะไรขึ้น?

สถานการณ์ดังกล่าวคงเป็นคำถามน