อย่างที่ผมเคยเล่าไว้ก่อนหน้านี้บ้างแล้วว่าในการทำงาน Digital Marketing นั้น มีหลายครั้งที่เรามักจะเจอ The Ugly Truth ที่ฟังแล้วอาจจะหัวเราะ ขบขัน ปนน้ำตาของคนทำงานจริงอยู่บ่อยๆ เพราะในทุกวันนี้ที่ทุกคนพยายามบอกว่ากำลังพยายามให้ความสำคัญกับ Digital Marketing นั้น แท้จริงอาจจะมีความเข้าใจผิดๆ หรือทำอะไรประหลาดๆ อยู่พอสมควร บล็อกวันนี้เลยขอรวบรวมตัวอย่างเคสประหลาดๆ (แต่ดันเกิดขึ้นจริง) มาเล่าสู่กันฟังแล้วกัน
Case 1:
คำกล่าว: เราจริงจังกับการทำการตลาดดิจิทัล
ความจริงที่เกิดขึ้น: มีคนทำงานอยู่ 1-2 คนเท่านั้น
เชื่อว่าทุกวันนี้หลายๆ แบรนด์มักบอกกันว่าได้ทำการตลาดดิจิทัลแบบจริงจังแล้วตามเทรนด์การตลาดในปัจจุบัน มีทั้งการเปิด Website ทำ Facebook และอื่นๆ อีกมากมาย แต่อย่างไรก็ตาม พอเอาเข้าจริงๆ แล้ว หลายบริษัทกลับมีโควต้าบุคลากรที่จะมาทำงานตรงนี้น้อยแบบน่าใจหาย บางบริษัทใช้คนเก่ามาทำงานแบบไม่ได้มีความรู้ บ้างก็ใช้วิธีรับคนเพิ่มแค่ 1-2 คนแล้วกะว่าให้ทำงานแบบครบวงจรประเภทคนเดียวทำได้ทุกอย่าง (เหมือนกับที่เรามักอ่าน Qualification ประเภททำเป็นทั้ง SEO / SEM / Adwords / YouTube / Facebook และอื่นๆ อีกมากมายนั่นแหละครับ)
ในความเป็นจริงแล้ว ถ้าคนทำการตลาดดิจิทัลจริงๆ จะพบว่าสเกลงานของการตลาดดิจิทัลนั้นไม่ใช่เล็กๆ เลยแถมอาจจะใหญ่พอๆ กับงานการตลาดปรกติเลยด้วยซ้ำ ซึ่งพอเป็นแบบนี้แล้วมันจึงจำเป็นต้องใช้คนที่มีความรู้ความชำนาญหลายคนเหมือนกัน ยิ่งถ้าไม่ใช่เอเยนซี่ดูแลและคิดจะบริหารกันเองแล้ว ยิ่งต้องใช้คนมากเป็นพิเศษเลยด้วยซ้ำ
ฉะนั้น ลองถามกันก่อนนะครับว่า ทุกวันนี้คุณ “จริงจัง” แบบที่คุณได้บอกไว้จริงๆ หรือเปล่า?
Case 2:
คำกล่าว: Content Marketing คือหัวใจในทุกวันนี้ เราต้องเน้นการสร้าง Content
ความจริงที่เกิดขึ้น: งบประมาณการทำคอนเทนต์เป็นส่วนที่ได้รับงบน้อยมาก
ทุกวันนี้คนพยายามบอกกันตลอดว่ามันเป็นยุคของ Content Marketing เราต้องจริงจังกับการสร้างเนื้อหาดีๆ มาเผยแพร่บนช่องทางของตัวเอง อย่างไรก็ตาม งบประมาณในการผลิตคอนเทนต์กลับมักถูกบีบและลดน้อยลงอย่างมาก (แต่ความต้องการกลับไม่ได้ลดลงเลยแม้แต่น้อย) ทั้งที่จริงๆ การผลิตคอนเทนต์นั้นก็ใช้งบประมาณไม่ได้ต่างจากการผลิตโฆษณาเลย การจะผลิตคอนเทนต์ให้ดีต้องอาศัยคนทำงานที่มีความรู้ ทั้งเรื่องการหาข้อมูล การทำงานกราฟฟิค หรือแม้แต่ฝั่งครีเอทีฟเอง และยิ่งการทำคอนเทนต์ใน Social Media ที่ต้องมีความต่อเนื่องด้วยแล้ว ก็ยิ่งต้องใช้ปริมาณคอนเทนต์ปริมาณมากซึ่งก็ต้องใช้งบประมาณมากตามไปด้วย
ฉะนั้น ลองถามกัน (อีกแล้ว) ว่าคุณเข้าใจและจริงจังกับการผลิตคอนเทนต์จริงๆ หรือเปล่า?
Case 3:
คำกล่าว: เราสนใจอยากทำ Digital Marketing
ความจริงที่เกิดขึ้น: เราเข้าใจว่า Digital Marketing “ถูก”
ผมไม่แน่ใจว่ามีใครไปสร้างความเชื่อแบบนี้กันว่า Digital Marketing นั้นใช้งบประมาณไม่เยอะก็สำเร็จได้ อันที่จริงแล้วก็ใช่ว่ามันจะไม่จริงเสียทีเดียวเพราะการตลาดดิจิทัลนั้นสามารถเลือกปรับและใช้งบประมาณต่างๆ ได้สะดวกขึ้นกว่าเดิม เช่นเงินในการซื้อสื่อสามารถปรับจำนวนขั้นต่ำได้มากกว่าการซื้อสื่อสมัยก่อน นั่นทำให้ธุรกิจแบบ SME เองก็สามารถทำการตลาดดิจิทัลให้ประสบความสำเร็จภายใต้ข้อจำกัดของงบประมาณตัวเองได้